Spiral
Model
คืออะไร
- ใช้ตีค่าความเสี่ยงที่เกิดเพื่อจะได้ทราบว่าจุดใดมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน จะได้หาวิธี ลดความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้การพัฒนาไม่ประสบความสำเร็จ
โอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาด ความเสียหาย การสูญเสียหรือทำลายฮาร์แวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูลสารสนเทศหรือความสามารถในการประมวลผลข้อมูลของระบบสารสนเทศ
- เป็น model ที่ใช้ความเสี่ยงเป็นเครื่องตัดสินใจว่าจะ กระทำอะไรต่อไป
โครงสร้างของ Spiral Model
- คือ Software Development Process หนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเอาจุดแข็งของ Development Model อื่นที่ดีอยู่แล้วมาประยุกต์ (Waterfall Mode)
คืออะไร
- ใช้ตีค่าความเสี่ยงที่เกิดเพื่อจะได้ทราบว่าจุดใดมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน จะได้หาวิธี ลดความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้การพัฒนาไม่ประสบความสำเร็จ
โอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาด ความเสียหาย การสูญเสียหรือทำลายฮาร์แวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูลสารสนเทศหรือความสามารถในการประมวลผลข้อมูลของระบบสารสนเทศ
- เป็น model ที่ใช้ความเสี่ยงเป็นเครื่องตัดสินใจว่าจะ กระทำอะไรต่อไป
โครงสร้างของ Spiral Model
- คือ Software Development Process หนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเอาจุดแข็งของ Development Model อื่นที่ดีอยู่แล้วมาประยุกต์ (Waterfall Mode)
ตัวอย่างของ Waterfall Model หรือ The Linear Model
ตัวอย่างของ Waterfall Model หรือ The Linear Model
Spiral
model จะมีลักษณะแบบก้นหอยเป็นวงๆชั้นๆซ้อนกันอยู่แสดงให้เห็นถึงลักษณะการทำซ้ำ
ในแต่ละช้นก็จะมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและการสร้างตัวต้นแบบ (Prototype) ทำให้ช่วยลดอัตราความเสี่ยงที่จะทำให้โครงการพัฒนาระบบล้มเหลว และ
ทำให้เห็นความคืบหน้า
ชั้นรัศมีที่เพิ่มขึ้น หมายถึงค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่เพิ่มขึ้น ยิ่งวงชั้นมากขึ้นเท่าไรค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการพัฒนาระบบนั้นๆก็ยิ่งเพิ่มขึ้นนั่นเอง ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มยอดขึ้นเรื่อยๆจนเกินกําลังของเราได้
ชั้นรัศมีที่เพิ่มขึ้น หมายถึงค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่เพิ่มขึ้น ยิ่งวงชั้นมากขึ้นเท่าไรค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการพัฒนาระบบนั้นๆก็ยิ่งเพิ่มขึ้นนั่นเอง ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มยอดขึ้นเรื่อยๆจนเกินกําลังของเราได้
ข้อดีของ Spiral Model ได้ดังนี้
1. ในแต่ละ Cycle มีขั้นตอนประมวลผลที่สิ้นสุดภายใน Cycle เดียว
2. การวางแผนเพื่อกำหนดทางเดินของ Software Process ในรอบต่อไป
3. เนื่องจากการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทำให้ระบบนี้สรา้งอยู่บนพื้นฐาน requirement ของลูกค้า
4. สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะมีการวเคราะห์ความเสี่ยงและเห็นความคืบหน้าของงานชัดเจน
5. มีความเป็นอิสระต่อกันทางด้านการพัฒนาและการแก้ไขจึงสามารถแบ่งส่วนการพัฒนาเป็น Module ได้
ข้อเสียของ Spiral Model
เนื่องจาก Spiral Model ทุก Cycle ของการพัฒนามีการวิเคราะห์และตีค่า ถ้าการวิเคราะห์เกิดผิดพลาด จะทำให้ Software Produce ที่ออกมาผิดพลาดทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
1. ในแต่ละ Cycle มีขั้นตอนประมวลผลที่สิ้นสุดภายใน Cycle เดียว
2. การวางแผนเพื่อกำหนดทางเดินของ Software Process ในรอบต่อไป
3. เนื่องจากการพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทำให้ระบบนี้สรา้งอยู่บนพื้นฐาน requirement ของลูกค้า
4. สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะมีการวเคราะห์ความเสี่ยงและเห็นความคืบหน้าของงานชัดเจน
5. มีความเป็นอิสระต่อกันทางด้านการพัฒนาและการแก้ไขจึงสามารถแบ่งส่วนการพัฒนาเป็น Module ได้
ข้อเสียของ Spiral Model
เนื่องจาก Spiral Model ทุก Cycle ของการพัฒนามีการวิเคราะห์และตีค่า ถ้าการวิเคราะห์เกิดผิดพลาด จะทำให้ Software Produce ที่ออกมาผิดพลาดทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น